เล่าสู่กันฟัง: MA in Creative Writing

สวัสดีค่ะทุกคน หลังจากที่ห่างหายจากบล็อคไปนานมากเลย ตอนนี้กลับมาแล้วค่ะ 🙂

ตอนนี้ก็เข้าสู่ครึ่งหลังของเทอมที่ 2 หลังจบ Spring break และด้วยสถานการณ์ปัจจุบันอย่างที่ทุกคนรู้เนอะ ทำให้ตอนนี้ University of Surrey ได้ปรับเปลี่ยนการเรียนการสอนมาเป็นแบบออนไลน์จนจบปีการศึกษา 2019/2020 แล้ว ซึ่งเป็นอย่างไรนั้น จะมาเล่าให้ฟังในบล็อคถัดไปนะคะ

เพราะครั้งนี้พี่อยากมาเล่าถึงคอร์สเรียนที่พี่มาเรียนต่อที่นี่ที่เคยเกริ่นให้ฟังแล้ว นั่นก็คือ…MA in Creative Writing แบบ Full-time นั่นเอง

pen on white lined paper selective focus photography

ใช่ค่ะ พี่มาเรียนต่อด้านการเขียน 5555+ อาจจะฟังดูยากนะ ซึ่งมันก็ยากจริง ๆ แต่ในขณะเดียวกันมันก็ท้าทายมาก และสนุกมาก

โดยสรุปแล้วก็คือ ในคอร์สนี้พี่ได้เรียนรู้ทักษะการเขียนต่าง ๆ ทั้งการเขียนเรื่องราวในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งนิยาย เรื่องสั้น กลอน รวมไปถึงการเขียนด้านการตลาด การเขียนสำหรับธุรกิจ การเขียนโฆษณา การเขียนบทภาพยนตร์/ละคร ซึ่งนอกเหนือจากการเขียนแล้ว พี่ยังได้อ่านวรรณกรรม เรื่องสั้น นิยาย และกลอนจากนักเขียนดัง ๆ มากมายทั้งจากในอดีตและปัจจุบัน

“เพราะการอ่านนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์ผลงานของตัวเอง”

คลาสเรียนแต่ละคลาสบอกเลยว่าจำนวนคนไม่ถึง 20 คนค่ะ (ในจำนวนนี้รวมนักเรียนจาก Creative writing และ English Literature ด้วย) จำนวนน้อยที่สุดที่พี่เคยเข้าเรียนก็คือ 5 คน… ใช่ค่ะ 5 คน คลาสเล็กมาก ๆ แต่นั่นก็ทำให้บทเรียนเข้มข้นมาก ๆ เลยล่ะ

ในแต่ละเทอมเราจะมีวิชาบังคับ 2 ตัว และวิชาเลือกอีก 2 ตัว ซึ่งในแต่ละปีก็อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ เพราะฉะนั้นใครที่สนใจเรียนคอร์สนี้สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ของมหาลัยฯ นะคะ พี่จะแปะลิ้งค์ไว้ท้ายบล็อคนี้นะ

ในเทอมแรกวิชาบังคับก็คือ Creative Writing Workshop กับ Research and Writing Skills วิชาเลือกที่พี่เลือกก็คือ Organisations and Written Communication กับ Screenwriting ส่วนในเทอมที่สองวิชาบังคับตัวเดิมก็คือ Creative Writing Workshop กับ 21st Century Literature ส่วนวิชาเลือกก็คือ Beat Writing กับ Open Writing ค่ะ

ใช่ค่ะ 1 เทอมมีเรียน 4 ตัว…แต่วันเวลาที่เหลือนั้นคือการที่ต้องอ่าน อ่าน อ่าน และเขียน เขียน เขียน 5555

จนถึงตอนนี้ วิชาที่พี่ชอบมากที่สุดเลยก็คือ Creative Writing Workshop นะ เพราะว่าเป็นโอกาสที่จะมีคนช่วยฟีดแบ็คงานที่เราเขียนแบบจริงจัง ซึ่งมันดีมาก ๆ เลย เพราะเราจะได้รู้ว่าเรามีข้อผิดพลาดตรงไหนบ้าง และการได้อ่านงานเขียนของคนอื่นก็สนุกมากเหมือนกัน เพื่อน ๆ แต่ละคนเขียนเรื่องออกมาได้สนุกมาก ๆ และในทุกสัปดาห์ก็จะมีเคล็ดลับการเขียนมาให้ได้ลองตลอด

เพื่อนร่วมห้องแต่ละคนก็ดีมาก ๆ และน่ารักมากเลยค่ะ มีมาจากหลายประเทศด้วยนะ ทั้งจากตุรกี ทรินาดาด อเมริกา เลบานอน มาเลเซีย แล้วก็คนอังกฤษ เพราะฉะนั้นเวลาเรียนคือสนุกมาก ๆ บางทีก็คุยกันเพลินจนอาจารย์ต้องเบรก 5555555

บรรยากาศในห้องเรียนพี่บอกเลยว่า พี่ประทับใจมาก ๆ ชอบมาก ๆ แตกต่างจากตอนเรียนปริญญาตรีมาก ๆ เลยค่ะ เพราะพอจบเลคเชอร์ อาจารย์มักย้อนถามเสมอว่า เรามีความคิดเห็นยังไงบ้าง เขาเปิดกว้างรับทุกความเห็นเลยนะ มีคนที่บอกว่าไม่ชอบวิธีเขียนแบบนี้ ไม่ชอบงานเขียนแบบนี้ ไม่เห็นด้วยกับความคิดแบบนี้ บอกกันตามตรงเลย และไม่มีใครว่าอะไรเลยด้วย สงสัยอะไรก็ถามได้ ไม่ทันก็บอกได้ หรือจะส่งเมลไปถามเป็นการส่วนตัวก็ได้เหมือนกัน

พี่มองว่านี่เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของการที่ได้มาเรียนต่อต่างประเทศ มันเหมือนกับว่าเราได้ปลดล็อคความคิดของตัวเอง ได้ปรับเปลี่ยนและแลกเปลี่ยนมุมมองกับเพื่อนต่างเชื้อชาติต่างวัฒนธรรม โดยเฉพาะกับเพื่อนที่สนใจในด้านการเขียนเหมือนกับเราแบบนี้

นอกจากนี้หัวข้อในการเขียนงานต่าง ๆ เรียกได้ว่าเปิดกว้างแบบสุด ๆ คือเขียนอะไรก็ได้ เขียนแบบไหนก็ได้ แต่ต้องไม่หลุดจากหัวข้อหลัก ๆ ของวิชา

นอกจากการเรียนในห้องแล้ว ในบางเดือนก็มีกิจกรรมของภาควิชาด้วยค่ะ เช่น Lunch Reading ที่จะมีทั้งนักเรียนและอาจารย์จากภาควิชามาอ่านงานเขียน ทั้งที่เป็น prose และ poem จากกิจกรรมนี้ทำให้พี่รู้ว่า บางครั้งงานเขียนเมื่ออ่านออกเสียงแล้ว ก็มีเสน่ห์ไม่แพ้กันเลย

น่าจะมีคนสงสัยเรื่อง Assessment เนอะ ในปีของพี่ Creative Writing ไม่มีสอบนะจ๊า เพราะการประเมินนั้นคือ การเขียนงานส่งอย่างเดียวเลยจ้า 5555+ ไม่รู้ว่าจะเป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายเนอะ แต่สำหรับพี่ พี่โอเคมากเลย XD

มาถึงตรงนี้ หลาย ๆ คนอาจสงสัยว่า มันยากมั้ย

พี่ตอบตามตรงเลยค่ะว่า “ยาก” ด้วยความที่ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแม่ของเราเนอะ เพราะฉะนั้นมันก็เลยมีกำแพงภาษาอยู่บ้าง รวมไปถึงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์บางอย่างที่แฝงมากับงานเขียน ทำให้เราอาจเข้าไม่ถึงหรือเข้าใจยาก แต่เพราะว่ามันยากนี่ล่ะค่ะ ทำให้มันสนุกและท้าทายมาก ๆ เลย (บอกตามตรงว่า มันก็มีบ้างที่ท้อค่ะ แต่เราก็ต้องฮึดสู้! มาไกลถึงนี่แล้วอะเนอะ)

ในคลาสมีเพื่อนเอเชียด้วย 1 คน ก็คือจากมาเลเซีย นั่นทำให้พี่มีเพื่อนที่ปรับทุกข์เรื่องนี้ได้ อารมณ์ว่า I understand you

และตรงนี้อาจารย์ทุกคนเข้าใจและพร้อมช่วยเต็มที่ คือพี่มีความรู้สึกว่าถ้าเราไม่เข้าใจอะไร หรือสงสัยอะไร อาจารย์ก็ให้ความรู้สึกกับเราว่า เราสามารถถามได้นะ นอกจากนี้ห้องสมุดของ University of Surrey ก็พร้อมต้อนรับทุกคนค่ะ 55555 อย่างที่เคยบอกว่าห้องสมุดที่นี่เปิด 24 ชั่วโมงเลย มีทั้งหนังสือเป็นเล่ม และ online แล้วด้วยความที่เราเป็นนักเรียน เราสามารถเข้าถึงหนังสือในระบบของบางมหาลัยได้ด้วยนะคะ

โดยสรุปแล้ว พี่คิดไม่ผิดเลยที่เลือกมาเรียนป.โทด้าน Creative Writing ที่ University of Surrey 🙂 ถ้าน้อง ๆ คนไหนที่สนใจคอร์สนี้ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์นี้เลยค่ะ https://www.surrey.ac.uk/postgraduate/creative-writing-ma-2020

สุดท้ายนี้ สำหรับน้อง ๆ คนไหนที่ได้ offer แล้ว ตอนนี้มีไลน์กรุ๊ปสำหรับเด็กไทยแล้วนะคะ น้อง ๆ จะได้เจอเพื่อนที่ offer เหมือนกัน แล้วก็พี่เองก็อยู่ในกรุ๊ปเหมือนกัน มีอะไรอยากถามก็ถามได้ในกรุ๊ปเลยค่า เพราะฉะนั้นใครที่ได้ offer แล้วอยากเข้ากรุ๊ป สามารถส่งเมลไปที่ international@surrey.ac.uk ได้เลยค่ะ

อะ สุดท้ายจริง ๆ แล้ว ขอให้ทุกคนดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ หมั่นล้างมือบ่อย ๆ และปฏิบัติตามมาตรการของพื้นที่กันด้วยนะคะ

สำหรับใครที่มีคำถามหรือข้อสงสัยใด ๆ สามารถส่งเมลไปที่ international@surrey.ac.uk ได้เลยค่ะ

แล้วเจอกันบล็อคหน้าค่า 🙂